6. เมื่อเกิดอุบัติเหตุแต่คนขับไม่มีใบขับขี่ ประกันจะคุ้มครองหรือไม่ ?
> ในกรณีรถที่ขับเกิดอุบัติเหตุ และผู้ขับขี่ในขณะนั้นยังไม่มีใบขับขี่ ในกรณีแบบนี้ทางบริษัทประกันรถยนต์จะแยกออกเป็นสองเคส คือฝ่ายผิดและฝ่ายถูก ซึ่งจะมีการพิจารณาความคุ้มครองแตกต่างกันออกไป ดังนี้
ในกรณีเป็นฝ่ายถูก
หากผู้ขับขี่เกิดอุบัติเหตุและไม่มีใบขับขี่ แต่เป็นฝ่ายถูกและมีการเลือกทำประกันรถประเภท 1, 2+, 3+ บริษัทประกันจะรับผิดชอบในส่วนค่าซ่อมของรถคุณ อีกทั้งบริษัทประกันยังเรียกร้องค่าเสียหายจากฝ่ายผิดแทน แต่หากคุณไม่ได้ทำประกันรถยนต์ดังกล่าว คุณจะต้องไปเรียกร้องค่าเสียหายกับคู่กรณีเอง
ในกรณีเป็นฝ่ายผิด
หากเป็นกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิด จะต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นฝ่ายผิดและไม่มีใบขับขี่จากสาเหตุอะไร เพื่อนำไปพิจารณา ดังนี้
→ไม่มีใบขับขี่หรือไม่เคยสอบใบขับขี่ บริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายในทุกๆ กรณี แต่จะชดเชยความเสียหายต่อบุคคลภายนอกเช่นเดิมตามข้อตกลงที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์
→กรณีที่มีใบขับขี่แต่ไม่ได้พกมาด้วย คุณจะต้องหาสำเนาหรือหลักฐานเพื่อมายืนยันกับทางบริษัทประกัน ถึงจะได้รับความคุ้มครองทั้งรถของผู้เอาประกันและรถของคู่กรณี
→กรณีพกใบขับขี่แต่หมดอายุ ทางบริษัทประกันจะคุ้มครองตามกรมธรรม์ที่ได้ทำไว้กับบริษัทประกัน
→กรณีใบขับขี่ถูกยึด คุณจะต้องหาหลักฐานหรือสำเนามายืนยันกับทางบริษัทประกัน ทางประกันถึงจะให้ความคุ้มครองรถและคู่กรณี
7. หากเสียชีวิตในรถ ประกันคุ้มครองหรือไม่ ?
เมื่อมีการเสียชีวิตในรถคันที่ทำประกันไว้ ทางบริษัทประกันจะแยกพิจารณาตามประกันรถยนต์ภาคบังคับและประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ซึ่งในส่วนของประกันภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. จะไม่ได้รับความคุ้มครอง เนื่องจากไม่ได้เสียชีวิตจากการใช้รถ แต่ในส่วนของประกันรถยนต์ภาคสมัครใจจะได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ที่ได้ทำประกันรถเอาไว้ ตามเอกสารที่แนบไว้ตอนท้าย ถ้าหากมีการเสียชีวิตในรถ ทางประกันมีสิทธิ์ให้ความคุ้มครองตาม ร.ย. 01 เป็นประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล แต่หากได้รับบาดเจ็บจะได้รับความคุ้มครองและค่ารักษาพยาบาลตามความคุ้มครองของ ร.ย. 02 แทน
8. รถที่ทำประกันรถชั้น 1 แบบระบุชื่อผู้ขับขี่ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับไม่ใช่ชื่อที่ระบุ เคลมประกันรถได้ไหม ?
หากรถที่คุณขับทำประกันชั้น 1 เอาไว้แบบระบุชื่อตั้งแต่แรก เมื่อเกิดอุบัติเหตุและผู้ขับขี่ขณะนั้นไม่ใช่ชื่อที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ หากเป็นฝ่ายถูก คุณสามารถส่งเคลมประกันรถกับบริษัทประกันที่ทำไว้ได้ ไม่ว่าจะระบุชื่อคนขับหรือไม่ระบุชื่อก็ตาม เนื่องจากเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายคู่กรณี แต่ถ้าเป็นฝ่ายผิด เจ้าของรถที่ถูกระบุชื่อในกรมธรรม์จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายให้กับคู่กรณี ทั้งทรัพย์สินและร่างกาย และหากต้องการซ่อมรถตัวเอง อาจต้องจ่ายเงินให้กับบริษัทประกัน ในส่วนของ “ค่าผิดเงื่อนไข” นั่นเอง
9. ค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร ?
> ค่าเสียหายส่วนแรก คือ กฎเกณฑ์ที่ทางคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดเอาไว้ให้ทุกบริษัทประกันภัยได้ใช้ในการดำเนินการ โดยมีวัตถุประสงค์ให้คนขับรถมีความระมัดระวังในการขับรถมากขึ้น และเพื่อป้องกันผู้ขับขี่ที่แจ้งเคลมประกันรถแบบไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริง เพื่อหวังซ่อมรถกับบริษัทประกันภัย ด้วยการขับรถประมาทหรือไม่ได้ใช้ความระมัดระวังมากพอ เพราะคิดว่าเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นกับรถ ก็สามารถแจ้งเคลมประกันรถกับทางบริษัทประกันได้เลย
ซึ่งค่าเสียหายส่วนแรกสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
→ 1. ค่าเสียหายส่วนแรกแบบบังคับ (Excess) คือ ค่าเสียหายสำหรับการเคลมประกันรถแบบแห้ง ที่อาจเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ ทำให้เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ชนเสา ชนประตู ขอบถนน เป็นต้น โดยค่าใช้จ่ายในส่วนนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ต้องจ่ายกับไม่ต้องจ่าย
ในกรณีที่ต้องจ่าย คือ เมื่อไม่สามารถระบุรายละเอียดของคู่กรณีได้ ได้แก่ ป้ายทะเบียน ตัวเลข ตัวอักษร จังหวัดที่ชัดเจนพอที่จะให้บริษัทประกันไปตามหาตัวคู่กรณีที่ต้องรับผิดชอบได้ และต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเริ่มต้นที่ 1,000 บาท ต่อเหตุการณ์เมื่อเกิดความเสียหายกับรถยนต์ของเรา หรือได้รับอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่เอง
ในกรณีที่ไม่ต้องจ่าย คือ เมื่อคุณเป็นฝ่ายถูกและสามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นการชนแล้วทำให้เกิดความเสียหายถึงกับ บุบ แตก ร้าว ระบุสาเหตุความเสียหายได้ชัดเจนพอที่จะให้บริษัทประกันไปตามหาต้นเหตุจนพบคนที่ต้องรับผิดชอบได้
→ 2. ค่าเสียหายส่วนแรกแบบสมัครใจ (Deductible) คือ ค่าเสียหายที่ผู้ซื้อประกันยินยอมจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเองในกรณีที่เป็นฝ่ายผิด แลกกับการหักเงินส่วนต่างจากเบี้ยประกันทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ต้องจ่ายกับไม่ต้องจ่าย
ในกรณีที่ต้องจ่าย คือ เป็นฝ่ายผิด ซึ่งจะต้องชำระค่าเสียหายส่วนแรกตามเหตุการณ์ ที่ได้ตกลงกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ โดยลูกค้าจะได้ประโยชน์จากการที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ลดค่าเบี้ยประกันให้บางส่วน
ในกรณีที่ไม่ต้องจ่าย คือ เมื่อคุณเป็นฝ่ายถูกและสามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นการชนแล้วทำให้เกิดความเสียหายถึงกับ บุบ แตก ร้าว โดยระบุสาเหตุความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถได้ชัดเจนพอที่จะให้บริษัทประกันไปตามหาคู่กรณีคนที่ต้องรับผิดชอบได้ และในส่วนของส่วนลดเบี้ยประกันที่ตกลงเอาไว้ในตอนต้น จะถือว่าตกเป็นผลประโยชน์ของเจ้าของกรมธรรม์ทันที
10. ขายหรือโอนรถ ประกันรถยนต์ยังคุ้มครองอยู่หรือไม่ ? (เฉพาะซื้อขายกันเอง ไม่ผ่านเต้นท์รถ)
หากผู้เอาประกันขายหรือโอนรถให้ผู้อื่นโดยที่ไม่ได้มีการแจ้งยกเลิกประกันภัย ให้ถือว่าผู้รับโอนเป็นผู้เอาประกันตามกรมธรรม์ประกันรถยนต์ และบริษัทประกันต้องรับผิดชอบตามกรมธรรม์และให้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ต่อไปตลอดจนครบอายุของกรมธรรม์ที่เหลืออยู่ แต่ในกรณีที่กรมธรรม์มีการระบุชื่อผู้ขับขี่ ผู้เอาประกันภัยเดิมต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงผู้ขับขี่ต่อบริษัทประกันภัยทราบ เพื่อจะได้มีการปรับเปลี่ยนเรื่องอัตราเบี้ยประกันภัยตามความเสี่ยงภัยที่เปลี่ยนไป
11. อายุมีผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์จริงไหม ?
อายุมีผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์โดยตรง ผู้ขับขี่ที่มีอายุน้อยเบี้ยประกันรถยนต์แพง ผู้ขับขี่ที่มีอายุเยอะเบี้ยประกันรถยนต์ถูก เนื่องจากบริษัทประกันภัยเล็งเห็นว่า ผู้ขับขี่ที่มีอายุน้อยมีโอกาสเกิดเหตุมากกว่า และมีอัตราความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าผู้ขับขี่ที่มาอายุเยอะและมีประสบการณ์สูง ส่วนผู้ขับขี่ที่มีอายุเยอะเบี้ยประกันรถยนต์จะถูกลง เนื่องจากมีประสบการณ์การขับขี่ค่อนข้างสูง โดยเบี้ยประกันจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับอายุของเจ้าของกรมธรรม์
12. ซ่อมห้างกับซ่อมอู่ ต่างกันอย่างไร ?
ซ่อมห้าง คือ การที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุต้องซ่อม เจ้าของรถยนต์นำรถยนต์ไปซ่อมที่ศูนย์บริการของรถยี่ห้อนั้นๆ หรือโดยอู่ที่ได้มาตรฐานคุณภาพเทียบเท่า ปกติแล้วประกันซ่อมห้างจะเป็นรถใหม่ที่มีอายุ 1-5 ปี ซึ่งอะไหล่ที่ใช้ซ่อมจะเป็นอะไหล่แท้จากศูนย์บริการเท่านั้น ซึ่งข้อเสียในการซ่อมห้าง คือ อาจต้องรอคิวซ่อมรถยนต์นาน
ซ่อมอู่ คือ การเข้ารับการซ่อมแซมตามอู่ทั่วๆ ไปที่มีข้อตกลงกับบริษัทประกันเอาไว้แล้ว ในกรณีที่เป็นรถยนต์ใหม่อายุ 1-3 ปี บริษัทประกันภัยจะใช้อะไหล่ในการซ่อมจากศูนย์ของแท้ในการจัดซ่อม หากเป็นรถยนต์ที่มีอายุมาก อาจใช้อะไหล่มือสองในการซ่อมแซมหรืออะไหล่คุณภาพเทียบเท่าของแท้แทน
13. เราสามารถยกเลิกกรมธรรม์ได้ไหม ?
ผู้เอาประกันภัยสามารถบอกยกเลิกกรมธรรม์ที่ทำอยู่กับบริษัทประกันภัยได้ ซึ่งต้องแจ้งบริษัทประกันภัยเป็นลายลักษณ์อักษร และมีสิทธิ์ได้รับเบี้ยประกันภัยคืนตามอัตราการคืนเบี้ยประกันภัยที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ โดยการยกเลิกกรมธรรม์จะมีผลหลังจากวันเวลาที่ระบุเอาไว้ในการแจ้ง
ซื้อประกันรถยนต์หรือต่อประกันรถยนต์ จำเป็นต้องซื้อแบบที่แพงสุดจะดีที่สุด จริงหรือไม่?
เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ นอกจากเงื่อนไขที่ประกันต้องชดใช้ค่าเสียหายในการซ่อม
ซื้อรถยนต์มาก็ต้องทำเรื่องมากมายทั้งเรื่องเสียภาษี และจัดการทำพ.ร.บ. ตามที่กฎหมายกำหนด
มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง เพราะความคุ้มครองของประกันรถยนต์เหล่านี้ ถ้าคุณไม่รู้ ถือว่าพลาด แน่นอนนนนน ในวันนี้ คุณรู้หรือยังเกี่ยวกับความคุ้มครองเรื่องการเคลม 10 ข้อนี้ ถ้าคุณยังเป็นคนที่ไม่รู้ Admin เชื่อว่าเป็นประโยชน์อย่างมากับผู้ที่ได้อ่านบทความนี้ เข้ามาอ่านนะคร้าาา Admin ใช้เวลาในการหาข้อมูลมาฝาก นานมากกกก!!!
9 สิทธิประโยชน์เมื่อทำประกันภัยกับเรา ใครที่กำลังมองหาประกันรถอยู่ผมว่า อันนี้คุ้มค่าจริงๆครับ ทำดี คอร์ปอเรชั่น และ ธีร์โบรคเกอร์
เชื่อว่าหลายคน อยากรู้ว่า ค่า Excess คืออะไร และ ค่า Deductible คืออะไร แล้วเราควรจ่ายหรือไม่ หรือต้องจ่ายหรือเปล่า
Admin เชื่อว่า ไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นทั้งกับชีวิต และรถยนต์ ที่คุณรัก แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า จะเกิดได้ตอนไหน โดยสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี และแบบไม่มีคู่กรณี สำคัญคือ การเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ไม่สามารถเอาผิดกับใครได้ และต้องยุ่งยากหาต้นสายปลายเหตุ ต้องบอกตรงโน้นตรงนี้ ทั้งกับประกัน ทั้งกับตำรวจ คุณอาจสงสัยว่า หากเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี จะยังสามารถเบิกค่าสินไหมได้หรือเปล่า วันนี้ Admin มีคำตอบมาฝากกันจ้า
โปรประกันป.1 เบี้ย 7,400 บาท คำถาม : มีจริงเหรอ?? คำตอบ : มีจริงๆ