526 จำนวนผู้เข้าชม |
การลงทุนมีอะไรบ้าง
การลงทุนคือหนึ่งในการวางแผนทางการเงินที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าการฝากธนาคาร หรือเก็บเงินไว้เฉย ๆ อีกทั้งยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย ซึ่งการลงทุนนั้นก็มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบระยะสั้น หรือจะระยะยาว อยู่ที่ว่าเราเลือกลงทุนด้วยอะไร แล้วมือใหม่อย่างเราควรจะเริ่มต้นลงทุนอะไรดี ลิสต์มาให้ตามนี้
1. ลงทุนกองทุนรวม
กองทุนรวม คือ การระดมเงินลงทุนจากนักลงทุน ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เป็นผู้ดูแล จุดเด่นของกองทุนรวมคือมีเงินน้อยก็ลงทุนได้ ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเอาไปฝากในธนาคาร มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็น หุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ เลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่เรารับไหว
2. ลงทุนในหุ้น
การลงทุนในหุ้น หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า "เล่นหุ้น" นั่นแหละ เป็นการซื้อหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ความเสี่ยงสูง และผลตอบแทนก็สูงเช่นกัน ซึ่งเราจะได้ผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผลจากกำไรการดำเนินการของบริษัท รวมถึงส่วนต่างที่ได้จากการซื้อขายหุ้น เราจะสามารถเทรดหุ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการเปิดบัญชีหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์กับโบรกเกอร์ หรือที่หลายคนเรียกว่า "เปิดพอร์ต"
3. ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ปล่อยเช่าบ้าน - คอนโดมิเนียม
การปล่อยเช่า คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารสำนักงาน ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ได้รับความนิยมมากในยุคนี้ เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ในรูปแบบการปล่อยเช่ารายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน ซื้อไว้สร้างรายได้ในระยะยาว มีการผันผวนต่ำ
4. ลงทุนในทองคำ
ทองคำ ถือเป็นของมีค่าที่ยิ่งอยู่นานยิ่งได้กำไร เป็นทรัพย์สินที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอยู่ตลอด เหมาะแก่การวางแผนทางการเงินในระยะยาว โดยการลงทุนในทองคำจะได้ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับราคาทองคำในแต่ละปีทั้งจากตลาดในประเทศ รวมถึง ตลาดโลก ไม่เพียงเท่านี้ การลงทุนในทองคำ ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่มีเงินลงทุนน้อย แต่ต้องการผลตอบแทนสูงก็สามารถลงทุนได้ในกองทุนรวมทองคำ
5. ลงทุนในของสะสม
สิ่งของที่สื่อถึงความชื่นชอบของผู้ลงทุน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งของที่มีคุณค่าทางจิตใจ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์, นาฬิกา, เครื่องประดับ, พระเครื่อง, หุ่นยนต์ โมเดล รุ่นที่หายาก, ของเก่า, งานศิลปะ ผลตอบแทนที่ได้อยู่ที่ความพอใจล้วน ๆ เนื่องจากสิ่งของเหล่านี้ไม่มีราคากลางที่แน่นอน ทำให้ผลตอบแทนที่ได้อาจจะมาจากส่วนต่างของราคาที่เราซื้อ จนมาถึงตอนที่ถูกขายออกไป ยิ่งเป็นของหายาก Rare Item ราคาก็จะยิ่งพุ่งทะยานไปอีก
6 .ลงทุนระยะสั้น
หากใครที่สนใจจะลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะสั้น ไม่เกิน 3 ปี การลงทุนแบบระยะสั้น ไม่ว่าจะเป็น หุ้น (Day Trade), หุ้นกู้ระยะสั้น ก็ถือว่าตอบโจทย์ เนื่องจากมีสภาพคล่องทางการเงินที่สูงกว่า แต่ข้อเสียคือมีความผันผวนทางการเงินสูง ดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาปัจจัยการลงทุน รวมถึงประเมินความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา
และนี่ก็คือหลากหลายช่องทางในการลงทุน ที่เป็นไอเดียให้คุณสามารถเลือกนำไปใช้สร้างความมั่งคั่ง ให้เงินงอกเงย อย่างไรก็ตาม แม้จะบอกว่าการลงทุนในแต่ละประเภทต่างก็ให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายและปัญหาอยู่พอสมควร แล้วปัญหาการลงทุนมีอะไรบ้างล่ะ?
ขาดความรู้ ความเข้าใจในการลงทุน หลายคนลงทุนเงินโดยไม่ศึกษาถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้ ซึ่งปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเลือกการลงทุนต่าง ๆ ที่มีอยู่ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้น
ขาดการกระจายความเสี่ยง ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาการลงทุน นั่นก็คือการขาดการกระจายความเสี่ยง การลงทุนเงินทั้งหมดของคุณในสินทรัพย์เดียวอาจมีความเสี่ยงมากกว่าการกระจายพอร์ตการลงทุน เช่น หุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ
การลงทุนตามอารมณ์ ดังสุภาษิตที่ว่า โลภมากลาภหาย อาจใช้ได้กับปัญหานี้ จริงอยู่ว่า เงินเท่านั้นที่ Knock Everything แต่การลงทุนตามอารมณ์สามารถนำไปสู่การตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นและอาจส่งผลเสียต่อพอร์ตการลงทุนของคุณ
ปัจจัยการลงทุนของแต่ละคนนั้นต่างก็มีวัตถุประสงค์ที่ต่างกันออกไป ดังนั้นไม่ว่าคุณจะลงทุนในรูปแบบไหนก็ตามอย่าลืมพิจารณา ปัจจัยการลงทุน ด้วยนะ เพราะแต่ละประเภทก็มักจะมีทั้งข้อดี และ ข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น เงินต้นที่ใช้ในการลงทุน ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในแต่ละประเภท รวมถึง ระยะเวลาในการลงทุนแบบสั้น ๆ หรือ ลงทุนหวังผลระยะยาว แน่นอนว่าทุกการลงทุนล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าลงทุนด้วยเงินเท่าไหร่ และยินดีรับความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.cimbthai.com