559 จำนวนผู้เข้าชม |
1.เรียนรู้ที่จะซื่อสัตย์กับตัวเอง.
การรู้จักตัวเองคือการตระหนักถึงส่วนต่างๆ ของตัวตน บุคลิกภาพ และการดำรงอยู่ เป้าหมายไม่ใช่เพื่อวิจารณ์ตนเอง แต่คือการรับรู้บุคลิกภาพของตัวเองในทุกด้าน เปิดใจรับความเป็นไปได้ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เกี่ยวกับตัวเองเวลาที่ประเมินตัวเอง ให้สังเกตสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ อารมณ์เหล่านี้บ่งบอกว่าคุณกำลังเบี่ยงเบนประเด็น คุณรู้สึกไม่มั่นคงในคุณสมบัตินั้นของตัวเองหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นคุณจะเอาชนะมันได้อย่างไร
เช่น ถ้าคุณไม่ชอบส่องกระจก ถามตัวเองว่าเป็นเพราะอะไร คุณรู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองหรือเปล่า หรือว่าคุณกังวลเรื่องอายุ จากนั้นคุณก็อาจจะทบทวนดูว่า คุณสามารถเอาชนะความกลัวนี้ได้ไหม
2.ถามคำถามที่ลึกซึ้งกับตัวเอง.
การรู้ในสิ่งนี้ช่วยให้คุณตระหนักว่า อะไรที่ทำให้คุณมีความสุขหรือเครียด คุณสามารถใช้ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณได้ใช้เวลาทำกิจกรรมและเป้าหมายที่มีประโยชน์สำหรับคุณ คำถามที่คุณจะถามตัวเองก็เช่น :[1]คุณชอบทำอะไร
ความฝันในชีวิตของคุณคืออะไร
คุณอยากให้อะไรเป็นมรดกของคุณ
คำวิจารณ์ที่ใหญ่ที่สุดที่คุณบอกกับตัวเองคืออะไร
คุณเคยผิดพลาดเรื่องอะไร
คนอื่นมองคุณอย่างไร คุณอยากให้พวกเขามองคุณอย่างไร
ใครเป็นแบบอย่างของคุณ
3.สังเกตเสียงที่อยู่ข้างใน.
เสียงที่อยู่ข้างในจะแสดงสิ่งที่คุณรู้สึกและเชื่อมั่น เวลาที่มีอะไรทำให้คุณไม่พอใจหรือดีใจ เสียงข้างในก็จะตอบสนอง พยายามตั้งใจฟังเสียงที่อยู่ข้างใน มันพูดว่าอะไร แล้วมันรับรู้โลกรอบตัวของคุณอย่างไร[2]เดินไปที่กระจก เริ่มจากการพูดเกี่ยวกับตัวเองก่อน จะพูดออกมาหรือพูดในใจก็ได้ สิ่งที่คุณพูดเกี่ยวกับตัวเองเป็นด้านบวกหรือด้านลบ มันเน้นไปที่รูปลักษณ์ภายนอกหรือการกระทำ คุณพูดเรื่องความสำเร็จหรือความล้มเหลว
เมื่อคุณเริ่มคิดลบ ให้หยุดแล้วถามตัวเองว่าทำไมคุณถึงมีปฏิกิริยาแบบนั้น การก่นด่าหรือการวิจารณ์ตัวเองอาจเป็นสัญญาณว่า คุณกำลังปกป้องตัวเองจากความคิดที่คุณไม่อยากนึกถึง
ความคิดทั้งบวกและลบเหล่านี้เป็นสิ่งที่นิยามว่าคุณมองตัวเองอย่างไร ถ้าภาพลักษณ์ของคนๆ นี้ไม่สอดคล้องกับคนที่คุณอยากจะเป็น คุณก็อาจจะกำหนดขั้นตอนต่างๆ ที่จะพัฒนาช่วยพัฒนาตนเองหรือเรียนรู้ลักษณะนิสัยใหม่ๆ
4เขียนบันทึกทุกวัน.
การเขียนบันทึกช่วยให้คุณตระหนักถึงแรงผลักดัน อารมณ์ และความเชื่อเพื่อที่คุณจะสามารถปรับตัวได้อย่างมีทิศทางในชีวิต ในแต่ละวันให้ใช้เวลาไม่กี่นาทีเขียนสิ่งที่คุณทำ รู้สึก และคิดมาตลอดทั้งวัน ถ้าคุณมีประสบการณ์ที่ไม่ดี ให้เขียนลงไปว่าทำไมมันถึงมีผลกับคุณ ถ้าคุณทำพลาด ให้ระบุว่าคุณจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร[3]มองหารูปแบบในงานเขียน ไม่แน่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจจะเจอความต้องการและความปรารถนาที่คุณเขียนซ้ำไปซ้ำมาก็ได้
คุณจะเขียนอะไรก็ได้ที่อยู่ในใจ การเขียนแบบอิสระช่วยปลดล็อกความคิดใต้จิตสำนึกเพื่อที่คุณจะได้รู้ว่า อะไรที่กวนใจคุณอยู่ตอนนี้
อีกวิธีหนึ่งก็คือคุณสามารถใช้หัวข้อเป็นแนวทางในการเขียนได้ เลือกหัวข้อที่บอกให้คุณอธิบายบุคลิกภาพหรือนิสัยของคุณในบางมุม
5กำหนดช่วงฝึกเจริญสติไว้ในกิจวัตร.
การเจริญสติคือการอยู่กับปัจจุบันเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจความคิดและการกระทำของตัวเอง การเจริญสติมักต้องอาศัยการฝึกสมาธิเป็นประจำทุกวัน แต่ก็มีการฝึกอย่างอื่นด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ มันเป็นสภาวะของการกำหนดจิตไปที่ตัวเองและโลกที่คุณกำลังสัมผัส[4]ใช้เวลาสักครู่เชื่อมโยงกับประสาทสัมผัสทั้งห้า คุณสัมผัส ลิ้มรส ได้ยิน เห็น และได้กลิ่นอะไรบ้าง
อย่ารับประทานอาหารหน้าคอมพิวเตอร์หรือทีวี หยุดพักเพื่อรับประทานอาหารอย่างเดียว ดื่มด่ำกับรสชาติ เนื้อสัมผัส อุณหภูมิ และความรู้สึกของการรับประทานอาหารแต่ละคำ
ใช้เวลาวันละไม่กี่นาทีเพื่อหยุดพักและสังเกตโลกรอบข้าง พยายามสังเกตการรับรู้ถึงสิ่งต่างๆ รอบตัวคุณให้ได้มากที่สุด คุณได้ยิน รู้สึก ลิ้มรส และได้กลิ่นอะไรบ้าง
เวลาที่คุณมีปฏิกิริยาทางอารมณ์ ให้ตั้งคำถามกับตัวเอง ทำไมคุณถึงรู้สึกแบบนั้น สาเหตุมาจากอะไร
6.ระบุภาพลักษณ์ของตัวเอง.
พยายามเขียนรายการคำคุณศัพท์เกี่ยวกับรูปลักษณ์ของตัวเอง พอเขียนเสร็จแล้ว ให้หยิบมาทบทวนอีกที ทั้งหมดนี้เป็นคุณสมบัติด้านลบหรือด้านบวก ถ้าคุณพบว่าตัวเองมีภาพลักษณ์ที่เป็นลบ พยายามหาวิธีที่จะรักร่างกายของตัวเอง เพราะความมั่นใจในร่างกายของตัวเองสามารถต่อยอดไปเป็นความมั่นใจในด้านอื่นๆ ของชีวิตได้[5]พยายามเปลี่ยนการรับรู้ที่เป็นลบให้เป็นบวก เช่น ถ้าคุณมีไฝที่ทำให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจ ลองเรียกมันว่ารอยเสน่ห์ จำไว้ว่ามีนักแสดงชื่อดังหลายคนที่มีรอยเสน่ห์
แต่ถ้ามันทำให้คุณไม่มีความสุขจริงๆ ลองพิจารณาสิ่งที่คุณสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างสมเหตุสมผล ถ้าคุณไม่มั่นใจเรื่องสิว คุณก็อาจจะไปพบแพทย์ผิวหนังหรือหัดแต่งหน้า