537 จำนวนผู้เข้าชม |
เที่ยวได้ไม่มีสะดุด! เช็ครถก่อนเดินทางไกล
สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับการเช็ครถก่อนเดินทางไกล
1. สภาพภายนอก
แม้ว่าทุกคนจะเห็นรถของตัวเองเป็นประจำ แต่ในบางครั้งด้วยความชินก็มักทำให้มีการละเลยรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับตัวรถ ดังนั้นก่อนเดินทางไกลต้องมีการเช็ครอยขีดข่วน การบุบ ไปจนถึงชิ้นส่วนใต้ท้องรถยนต์ ที่อาจเกิดจากการเฉี่ยวชนหรือกระแทกจากการขึ้นสะพานโดยที่ไม่ได้รับรู้
นอกเหนือไปจากนั้นสำหรับผู้ที่มีสัตว์อยู่ในบริเวณบ้าน หรือจอดอยู่ในเขตป่าเขตดงอยู่บ่อยครั้ง ควรทำการสตาร์ทรถรอสักสี่ห้านาที เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสัตว์หลงเข้าไปในห้องเครื่อง
2. ล้อและยาง
ตรวจเช็คล้อ น็อตล้อ และยางให้เรียบร้อย โดยเฉพาะยางรถยนต์ที่มีอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป มักเกิดการเสื่อมสภาพและสึกหรอตามกาลเวลาจนดอกยางบางส่วนหายไป ซึ่งสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า หากพบความผิดปกติดังนี้ ควรนำยางใหม่มาสับเปลี่ยน อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือความดันลมยาง ซึ่งปัจจุบันหลายสถานีบริการน้ำมันมีการติดตั้งเครื่องปั๊มลมอัตโนมัติที่แสดงค่าลมยางแล้ว ควรเติมลมยางให้เหมาะสมกับยางรถยนต์ตามที่มีการระบุไว้จากผู้ขายหรือคู่มือการใช้รถคันนั้น ๆ
3. ระบบไฟ
หัวใจสำคัญของระบบไฟรถยนต์คือแบตเตอรี่ อย่าลืมทำการเช็คสภาพขั้วแบต น้ำกลั่น หรือถ้าเป็นแบตแบบแห้งก็ควรเช็คสถานะไฟในแบตให้เรียบร้อย ถ้าแบตใช้งานมานานจนเริ่มเสื่อมสภาพแล้วต้องเดินทางไกลกะทันหัน การเลือกเปลี่ยนแบตเตอรี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
การทำงานของไฟแสดงผล กระจก และ ไฟหน้าไฟท้ายเองก็ขาดไม่ได้ เนื่องจากการเดินทางไกลในบางครั้งต้องมีการขับขี่ในเวลากลางคืน การที่ไฟหน้า หรือไฟเบรกของรถไม่ทำงานอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ง่าย ๆ
4. ของเหลวภายในรถยนต์
ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบรก น้ำมันเครื่อง และน้ำในหม้อน้ำ ควรมีการตรวจเช็คให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง ซึ่งนอกจากต้องให้ความสำคัญกับปริมาณแล้ว ควรมีการเช็คคุณภาพของน้ำมันและวันเวลาใช้งานด้วย การใช้งานนาน ๆ อาจทำให้น้ำมันเครื่องและน้ำมันเบรกพร่องหรือเสื่อมสภาพได้
5. แอร์
สิ่งที่สังเกตได้จากระบบแอร์เบื้องต้นคือ ความเย็นของแอร์ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ด้วยการเปิดใช้งานตามปกติ ในช่วงที่ตรวจสอบควรสังเกตกลิ่นของแอร์รถคุณด้วยว่ามีกลิ่นอับหรือกลิ่นชื้น ออกมากับแอร์หรือไม่ โดยเฉพาะผู้ที่ชอบรับประทานอาหารบนรถ มีโอกาสที่ฝูงมดแมลงบางจำพวกเลือกจะเข้ามาในระบบแอร์ โดยเฉพาะรถรุ่นเก่า ดังนั้นถ้ารถคุณมีกลิ่นประหลาดออกมาจากแอร์ในเวลาเดียวกับที่มันทำงานไม่ปกติ ให้คาดการณ์ไว้ก่อนว่าเกิดเหตุไม่ปกติ
6. ช่วงล่าง
ช่วงล่างของรถจะสามารถตรวจสอบได้ดีที่สุดด้วยการขับขี่จริง ๆบนท้องถนน หรือทดลองขับเพื่อตรวจเช็คช่วงล่าง เนื่องจากผู้ขับขี่จะสามารถรับรู้ถึงความผิดปกติการทำงานของรถได้ด้วยตนเอง หรือหากยังไม่แน่ใจก็ตรวจดูโช้คเพิ่มเติม
จากการตรวจสภาพรถ อีกนึงสิ่งที่ห้ามลืมตรวจก็คือโช้ค วิธีการตรวจสอบก็แสนง่ายดาย เพียงแค่ใช้แรงกดลงไปยังตัวรถ หากรถไม่สามารถคืนตัวได้ หรือคืนตัวแบบติด ๆ ขัด ๆ แสดงว่าโช้คของรถนั้นมีปัญหา
7. เบรก
คุณสามารถทดสอบระบบเบรกแบบง่าย ๆ ด้วยการขับขี่ตามปกติในความเร็ว 30-40 กม.ต่อชม. ก่อนทำการเบรก หากเบรกทำงานได้แบบปกติ พวงมาลัยไม่หมุนไปทางซ้ายหรือขวาแบบเห็นได้ชัด แสดงว่าเบรกทั้งสองด้านทำงานได้อย่างปกติ แต่หากพวงมาลัยเกิดหมุนซ้ายหรือหมุนขวา หรือเบรคมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นมาจากเบรก แสดงว่าเกิดความผิดปกติบางประการกับตัวเบรก ควรสอบถามผู้เชี่ยวชาญหรือเช็คสภาพรถเบื้องต้นจะเหมาะกว่า
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทรเข้า Call Center คุณวุ้น : 085-389-7856
ประกันรถออนไลน์ ประกันทุกชนิด ประกันออนไลน์ ต้องทำดี คอร์ปอเรชั่น และ ธีร์ โบรคเกอร์