5 ความเชื่อพื้นฐานสร้าง Growth Mindset

389 จำนวนผู้เข้าชม  | 

5 ความเชื่อพื้นฐานสร้าง Growth Mindset

5 ความเชื่อพื้นฐานสร้าง Growth Mindset

 
   บ่อยครั้งที่เราทำอะไรซ้ำๆ จนเราคุ้นชินกับสิ่งที่เราทำ จนกระทั่งพอมีเหตุการณ์/ปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้แล้ว เราต้องเปลี่ยนแปลงทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำดู มิฉะนั้นคงแก้ไขปัญหาหรือเตรียมรับมือกับเหตุการณ์นั้นๆ ไม่ทันการณ์ แต่เราก็ยังมีความกล้าๆ กลัวๆ อยู่ เราสามารถเสริมให้ตัวเองกล้าที่จะก้าวออกไปทำในสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมากขึ้น ด้วยการเสริมให้ตนเองมี Growth Mindset มากขึ้นครับ Growth Mindset คือ เชื่อว่าสิ่งที่เรามีหรือเราเป็น เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการพัฒนา เราสามารถพัฒนาได้ด้วยการให้คุณค่ากับความท้าทาย ความพยายามและการเรียนรู้ครับ  
   
   อ.ก้อย ขอแบ่งปันความเชื่อพื้นฐานที่มาจากศาสตร์ NLP (Neuro-Linguistic Programming คือ การโปรแกรมสมองด้วยภาษา หรือการสื่อสาร เพื่อให้มีความคิดหรือพฤติกรรมที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เราต้องการ) ซึ่งหากเราเข้าใจและยอมรับความเชื่อเหล่านี้มากขึ้นจะช่วยให้เรามีมุมมองแบบ Growth Mindset เพิ่มขึ้นครับ


 
1. เรารับผิดชอบทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
   ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วแต่เกิดจากเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เราอาจจะทำอะไรมากเกินไป หรือน้อยไปที่เป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องนั้นๆ ตัวอย่างเช่น หากยอดขายของเราตก ถ้าเราไม่รับผิดชอบ เราจะโทษเพราะอย่างอื่นหมดยกเว้นเพราะเรา เช่น เพราะเศรษฐกิจไม่ดี เพราะกระแสการบริโภค (trend) เปลี่ยนไป เป็นต้น สาเหตุเหล่านั้นอาจจะมีผลก็ได้ เพียงแค่เป็นสาเหตุที่เราควบคุมไม่ได้ ในทางตรงข้าม หากเรามองว่าเพราะเรา หรือเรารับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น เราก็จะคิดหาสาเหตุและแนวทางใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหาได้ครับ  

 
2. เรามีทรัพยากรพร้อมที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
   ในชีวิตของเรา เราผ่านประสบการณ์มามากมายครับ เราเจออุปสรรคมานับครั้งไม่ถ้วน แล้วทุกครั้งท้ายที่สุดเราก็ก้าวข้ามอุปสรรคนั้นมาได้ เรามีทรัพยากรต่างๆ ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จอยู่ในตัวครับ เช่น คุณสมบัติดีๆ (ความกล้าหาญ ความอดทน ความรับผิดชอบ) และมีความรู้/ทักษะต่างๆ เป็นต้น ท้ายที่สุดเหตุการณ์ที่เราเจอนี้เราก็จะทำสิ่งที่ไม่เคยทำ แล้วผ่านมันไปได้ครับ

 
3. พร้อม-ยิง-เล็ง
   พอเราศึกษาข้อมูลในสิ่งใหม่ที่ไม่เคยทำ ให้มีความรู้เพิ่มขึ้นระดับหนึ่งเราจะมีความพร้อมเพิ่มขึ้น และเมื่อเราพร้อมระดับหนึ่ง เราก็ยิงหรือลงมือทำ แล้วค่อยปรับให้ตรงกับเป้าหมายที่ต้องการ (เล็ง) ครับ ไม่ต้องรอให้พร้อม 100% ก่อนแล้วค่อยลงมือทำ เพราะจะไม่ได้ลงมือสักทีครับ และความพร้อมจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นหลังจากที่เราทำไปสักระยะหนึ่ง เราจะมั่นใจเพิ่มขึ้นครับ ลองนึกถึงตอนเราหัดขับรถใหม่ๆ หรือเริ่มทำงานที่แรกก็ได้ครับ เราก็ทำทั้งๆ ที่ไม่ได้มั่นใจหรือพร้อม 100% ครับ

 
4. ความยืดหยุ่นนำไปสู่ความสำเร็จ
   หากผลลัพธ์ไม่ได้ตามที่เราต้องการ ทางเดียวเท่านั้นที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ คือ เราต้องมีความยืดหยุ่น หรือการปรับ เราไม่สามารถทำอะไรซ้ำๆเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ต้องการผลลัพธ์แบบใหม่ได้

 
5. ไม่มีความล้มเหลว มีเพียงข้อมูลป้อนกลับ
   หากเราลองทำอะไรใหม่ๆ แล้วยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เราไม่ได้ล้มเหลวครับ เราแค่เห็นข้อมูลป้อนกลับที่บอกกว่ายังไม่ใช่ และให้ถามตัวเองว่าเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นบ้าง แล้วทบทวนว่าที่ยังไม่ใช่นั้นเกิดจากอะไร สิ่งใหม่ที่เราทำ ทักษะยังไม่มากพอ ต้องพยายามเพิ่ม ทำซ้ำเพิ่มขึ้นให้ชำนาญ หรือสิ่งที่เราคิดไม่ได้นำไปสู่ผลลัพธ์ ต้องมองหาสิ่งอื่น/วิธีอื่นแทน เป็นต้นครับ

 
6. สื่อสารกับคนที่เกี่ยวข้อง
ในการ Work From Home การสื่อสารกับผู้อื่นแบบเห็นหน้าหรือได้ยินเสียงก็เป็นสิ่งสำคัญครับ เพราะเราสามารถทราบว่าอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาอย่างไรผ่านสีหน้าและน้ำเสียง แต่หากไม่สะดวกที่จะให้เห็นหน้า อาจจะเลือกแค่ได้ยินเสียงก็ได้ครับ ในกรณีที่จะพูดคุยกับหัวหน้า/ลูกน้อง หรือประชุมในเวลางาน แนะนำให้ส่งข้อความไปนัดเวลาไว้ก่อน เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องจัดสรรเวลาไว้ก่อนครับ จะได้ไม่ขัดจังหวะเวลาที่เขามีสมาธิ คิดงานอยู่ครับ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้