เรื่องควรรู้ พ.ร.บ. ประกันรถยนต์ และข้อยกเว้นที่ไม่คุ้มครอง

14 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เรื่องควรรู้ พ.ร.บ. ประกันรถยนต์ และข้อยกเว้นที่ไม่คุ้มครอง

หลายคนอาจเข้าใจว่าการมีประกันภัยรถยนต์หมายความว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายใด ๆ รถของเราจะได้รับความคุ้มครองทันทีตามเงื่อนไขของประกันที่เลือกไว้ แต่ทราบหรือไม่ว่ากรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ยังมีข้อยกเว้นบางประการที่ไม่ได้ให้ความคุ้มครอง?

นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับข้อยกเว้นของประกันภัยแล้ว เรายังรวบรวมรายละเอียดความคุ้มครองของ พ.ร.บ. และสรุปประเภทของประกันภัยรถยนต์ไว้ให้ด้วย เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้ได้อย่างมั่นใจ มาอ่านเพิ่มเติมกันเลย

 

 

รถทุกคันต้องทำ พ.ร.บ. เพราะเหตุใด?

รถทุกคันต้องทำ พ.ร.บ. เพราะเป็นกฎหมายที่บังคับ เพื่อให้ความคุ้มครองผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นคนขับ ผู้โดยสาร หรือคนเดินเท้า ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น พ.ร.บ. จะช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ก่อนแบบไม่ต้องรอพิสูจน์ว่าใครผิด นี่คือเหตุผลที่ทุกคันต้องมี เพื่อความอุ่นใจและช่วยเหลือทุกคนที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นั้น

 

ทำความรู้จักกับ พ.ร.บ. คืออะไร

พ.ร.บ. หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ คือประกันภัยภาคบังคับที่เจ้าของรถทุกคนในประเทศไทยต้องทำตามกฎหมาย เปรียบเสมือน “บัตรประกันสุขภาพ” สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดจากรถเลย

ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น พ.ร.บ. จะช่วยดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นให้ ไม่ว่าจะเป็นคนขับ ผู้โดยสาร หรือแม้แต่คนเดินถนนที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุนั้น โดยไม่ต้องรอพิสูจน์ว่าใครผิดใครถูก เพื่อให้คนที่บาดเจ็บได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

สิทธิที่ พ.ร.บ. คุ้มครอง เช่น

ค่ารักษาพยาบาล สูงสุด 30,000 บาทต่อคน
กรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือสูญเสียอวัยวะ ชดเชยสูงสุด 500,000 บาท
พูดง่าย ๆ ก็คือ พ.ร.บ. เป็นเหมือนตัวช่วยที่คอยซัพพอร์ตเรื่องค่ารักษาและความเสียหายเบื้องต้นจากอุบัติเหตุ และที่สำคัญ การทำ พ.ร.บ. ยังเป็นข้อบังคับก่อนต่อทะเบียนรถด้วย ใครที่ยังไม่ได้ทำต้องรีบจัดการเลย

 

ประกันรถยนต์ คืออะไร?

 

  • ประกันชั้น 1

          จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด คือ จะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลในรถ และบุคคลภายนอก รวมถึงความเสียภายที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์ที่เอาประกันภัย รวมถึงกรณีเกิดไฟไหม้และการสูญหายด้วย


  • ประกันชั้น 2

          จะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลในรถ และบุคคลภายนอก รวมถึงความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์จากการเกิดไฟไหม้และการสูญหาย


  • ประกันชั้น 3

          จะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอก และความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์จากการเกิดไฟไหม้ และการสูญหาย


  • ประกันชั้น 2+

          จะรับผิดชอบต่อความเสียหายในกรณีเดียวกับประกันชั้น 2 แต่เพิ่มความรับผิดต่อในส่วนของความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันเอาประกันภัย แต่เฉพาะกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น และจำเป็นต้องมีคู่กรณีด้วย


  • ประกันชั้น 3+
          จะรับผิดชอบต่อความเสียหายในกรณีเดียวกับประกันชั้น 3 แต่คุ้มครองรถยนต์คันเอาประกันภัยในวงเงินจำกัด และเฉพาะกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น

 

 

ข้อยกเว้นที่กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไม่คุ้มครอง

  1. การใช้รถยนต์นอกอาณาเขตคุ้มครอง เช่น การนำรถไปใช้ในต่างประเทศและเกิดอุบัติเหตุประกันภัยจะไม่คุ้มครอง
  2. การใช้รถยนต์ในทางผิดกฏหมาย เช่น การใช้รถยนต์ที่เอาประกันภัยไปปล้น ขนยาเสพติด เป็นต้น
  3. การใช้ในการแข่งขันความเร็ว เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง
  4. การใช้ลากจูงหรือผลักดัน เว้นแต่รถที่ถูกลากจูงหรือถูกผลักดันได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทด้วยหรือเป็นรถลากจูงโดยสภาพ
  5. ความรับผิดซึ่งเกิดจากสัญญาที่ผู้ขับขี่ทำขึ้น ซึ่งถ้าไม่มีสัญญานั้นแล้วความรับผิดของผู้ขับขี่จะไม่เกิดขึ้น
  6. ขณะขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขอแนะนำว่าควรใช้รถด้วยความระมัดระวัง และเมาไม่ขับ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและผู้ร่วมใช้ทางท่านอื่น
  7. ค่าเสียหายส่วนแรก หรือค่า Excess จะขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ของแต่ละบริษัท โดยผู้เอาประกันจะต้องจ่ายเงินตามจำนวนที่ได้ตกลงกับบริษัทประกันภัย กรณีเกิดอุบัติเหตุที่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้
  8. กรณีผู้ขับขี่ ไม่มีใบขับขี่ กรณีไม่เคยสอบ ไม่เคยทำ หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ หากขับขี่และเกิดอุบัติเหตุประกันจะไม่คุ้มครอง
  9. ให้ผู้อื่นยืมรถหรือเช่ารถ หากเกิดโจรกรรม รถหาย หรือนำรถไปจำนำ
  10. การใช้รถผิดประเภท เช่น จดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล แต่นำไปใช้งานเชิงพาณิชย์

 

การแจ้งเคลมประกันถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะเรื่องเวลา อย่ารอให้รอยความเสียหายสะสมหรือปล่อยไว้นานเกินไป เพราะบริษัทประกันสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นรอยใหม่หรือรอยเก่า หากพบว่าเป็นความเสียหายที่เกิดมานานแล้ว อาจถูกปฏิเสธการเคลมได้
และเมื่อได้รับเลขเคลมจากบริษัทประกัน อย่าลืมนำรถไปเคลมภายในระยะเวลาที่กำหนด ก่อนที่เลขเคลมจะหมดอายุ เพื่อให้การเคลมราบรื่นและไม่เกิดปัญหาภายหลัง

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทรหาศูนย์บริการลูกค้า ธีร์ ทำดีแคร์ 096-192-9698

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้