ไฟตัดหมอกสำคัญแค่ไหน? เหตุผลที่รถทุกคันควรมี!

      เมื่อพูดถึงอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในรถยนต์ หนึ่งในไอเทมที่มักถูกมองข้าม แต่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมความปลอดภัยระหว่างการขับขี่ ก็คือ ‘ไฟตัดหมอก’ อุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของรถยนต์ หลายคนอาจไม่ทราบว่าไฟตัดหมอกนั้นมีหน้าที่อย่างไร มีกี่ประเภท และเหตุใดถึงมีความสำคัญ วันนี้เรารวบรวมข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับไฟตัดหมอกไว้ให้คุณในบทความนี้

ไฟตัดหมอก คืออะไร?

      ไฟตัดหมอก (Fog Light) คืออุปกรณ์ให้แสงสว่างที่ติดตั้งไว้ในรถยนต์เพื่อช่วยเพิ่มความชัดเจนในการมองเห็นขณะขับขี่ในสภาพอากาศที่มีหมอกหนา ฝนตกหนัก ควันไฟ หรือฝุ่นละอองปกคลุม ซึ่งอาจทำให้แสงจากไฟหน้าปกติสะท้อนกลับเข้าสายตาและลดทัศนวิสัยของผู้ขับขี่

ไฟตัดหมอก มีความสำคัญอย่างไร?

      1.เพิ่มความปลอดภัย
            ในสถานการณ์ที่ทัศนวิสัยต่ำ ไฟตัดหมอกช่วยให้มองเห็นเส้นทาง สัญญาณจราจร และสิ่งกีดขวางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
      2.ป้องกันอุบัติเหตุ
            ไฟตัดหมอกช่วยลดความเสี่ยงของการชนจากด้านหลัง เพราะช่วยให้ผู้ขับขี่คันหลังสามารถมองเห็นรถคุณได้แม้ในสภาพอากาศเลวร้าย
      3.เสริมการทำงานของไฟหน้า
            ในบางกรณีที่ไฟหน้าปกติไม่สามารถให้แสงที่เพียงพอ ไฟตัดหมอกจะช่วยเสริมให้ทัศนวิสัยดีขึ้น

ไฟตัดหมอก มีทั้งหมดกี่ประเภท?

      คุณรู้หรือไม่ว่าไฟตัดหมอกที่ติดตั้งในรถยนต์ปัจจุบันไม่ได้มีหน้าที่เพียงช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในสภาพอากาศเลวร้ายเท่านั้น แต่ยังถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้หลากหลาย โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันดังนี้

1. Fog Lamps

      ไฟตัดหมอกชนิดนี้ออกแบบมาเพื่อกระจายแสงไปด้านข้าง ช่วยเพิ่มความชัดเจนในการมองเห็นบริเวณไหล่ทางหรือข้างถนน โดยลำแสงจะถูกหักเหมาก ทำให้ระยะการส่องสว่างไม่ไกลจากตัวไฟมากนัก เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้ความเร็วต่ำ เช่น ในเขตเมืองหรือพื้นที่ที่มีหมอกหนา

2. Driving Lamps

      ไฟตัดหมอกชนิดนี้มีระยะการส่องสว่างที่กว้างและยาวกว่าไฟตัดหมอกแบบทั่วไป แม้ลำแสงจะไม่ครอบคลุมด้านข้างเท่า Fog Lamps แต่สามารถใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางระยะไกลหรือเดินทางตอนกลางคืนบ่อย ๆ เช่น การขับข้ามจังหวัด ไฟตัดหมอกประเภทนี้ถือว่าตอบโจทย์อย่างมาก

3. Pencil Beam Lamps

      ไฟตัดหมอกประเภทนี้ออกแบบให้ลำแสงพุ่งไปด้านหน้าด้วยระยะที่ไกล ช่วยเพิ่มความชัดเจนในทัศนวิสัยขณะขับขี่ในเส้นทางที่ท้าทาย เช่น ทางวิบากหรือถนนที่ขรุขระ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระยะการส่องที่ไกลมาก จึงไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีรถคันอื่นอยู่ใกล้ เพราะอาจรบกวนสายตาผู้ขับขี่ร่วมถนนได้

ไฟตัดหมอกทำงานอย่างไร?

      ไฟตัดหมอกถูกออกแบบมาให้ให้แสงสว่างที่มีความเข้มสูงคล้ายกับสปอตไลท์ โดยเมื่อเปิดใช้งาน แสงจะกระจายตัวในแนวขนานกับพื้นถนน หรือส่องทำมุมเอียงต่ำเพื่อป้องกันการสะท้อนกลับเข้าสายตาผู้ขับขี่ในสภาพอากาศที่ทัศนวิสัยต่ำ เช่น หมอก ฝน หรือฝุ่นควัน
      ไฟตัดหมอกสามารถช่วยเพิ่มระยะการมองเห็นจากเดิมที่ไฟหน้าปกติมักให้แสงสว่างได้เพียงระยะ 10-15 เมตร แต่เมื่อใช้ไฟตัดหมอก ระยะการมองเห็นจะเพิ่มขึ้นเป็น 30-80 เมตร ทั้งยังช่วยลดปัญหาแสงสะท้อนที่อาจเกิดขึ้นบนพื้นถนนหรือในสายตาของผู้ใช้ถนนคนอื่น ซึ่งหากแสงสว่างของไฟตัดหมอกถูกปรับให้ส่องไกลเกินไป อาจรบกวนสายตาของรถคันหน้าและทำให้เกิดอันตรายได้
      จึงอาจกล่าวได้ว่า ไฟตัดหมอกเปรียบเสมือน "ตาที่สาม" ของผู้ขับขี่ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย

      หลังจากได้รู้จักกับ ไฟตัดหมอก ทั้งความหมาย ประเภทต่าง ๆ และความสำคัญไปแล้ว อย่าลืมให้ความใส่ใจในการดูแลระบบไฟตัดหมอกและสภาพรถยนต์ของคุณอย่างสม่ำเสมอ ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ควรตรวจสอบให้พร้อมใช้งานและศึกษาวิธีการใช้ไฟตัดหมอกอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการรบกวนสายตาผู้ใช้ถนนคนอื่น และร่วมสร้างความปลอดภัยให้ทุกการเดินทางของคุณและเพื่อนร่วมถนน!

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับจอดรถติดไฟแดง ควรใช้เกียร์อะไร?

เลือกซื้อประกันทั้งที เลือกองค์กรที่เน้นบริการหลังการขาย ต้องที่ ธีร์ ทำดีแคร์ แคร์คุณ เข้าใจคุณ ทุกช่วงของชีวิต
องค์กรของเราได้รับรางวัล 3 ปี 3 รางวัลระดับประเทศ เน้นบริการหลังการขาย อันดับ 1 ในออนไลน์ มีโปรแบ่งชำระ 3-10 งวด กับบริษัทที่ร่วมรายการกว่า 20 บริษัท ดูแลลูกค้ามากว่า 20,000 ฉบับทั่วไทย เน้นบริการ ซื่อสัตย์ ใส่ใจคุณ

อัปเดตข่าวสารล่าสุด และความรู้เกี่ยวกับประกันรถยนต์ ได้ที่ thumdeecorporation.com

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทรหาศูนย์บริการลูกค้า ธีร์ ทำดีแคร์ 096-192-9698